9/20/2559

ตัวร้าย-แพะรับบาป ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย



คือบุคคลที่ผมกำลังจะพูดถึงเนี่ย เป็นบุคคลที่เราผู้สนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ มักจะพบถูกพูดถึงในแง่ไม่ดี เป็นคนที่ทำให้ชาติต้องประสบวิกฤติ เจอปัญหา คือเป็นตัวร้าย ประมาณนั้นแหละครับ บุคคลที่ผมพบเจอที่เข้าลักษณะแบบนี้ที่ชัดๆ ก็มี

1.พระยาจักรี ผู้เปิดประตูเมืองจนเสียกรุงฯ ครั้งที่ 1 อันนี้หลายท่านคงจะรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะถือว่า เป็นตัวร้ายสุดๆในประวัติศาสตร์เลยมั้ง เป็นไส้ศึก เปิดประตูเมืองให้ข้าศึก เป็นคนทรยศชาติเลยล่ะครับ แต่ข้อมูลของท่านนี้ก็ถือว่าคลุมเครือนะ ไม่มีหลักฐานว่าเกิดเมื่อใดและมีนามเดิมว่า อะไรไม่ปรากฏ(ผมลองค้นแล้ว) คือ มาโผล่อีกที เป็นพระยาจักรี โดนจับเป็นตัวประกัน แกล้งหนีมาได้ เปิดประตูเมืองให้พม่า ฯลฯ ท่านจะมีตัวตนจริง หรือเป็นเพียงคนที่ถูกแต่งขึ้นมาให้เป็นแพะรับบาป ต้นเหตุของการเสียกรุงฯ ทุกท่านก็ลองพิจารณาเอาเองเถิดครับ

2.พระเจ้าเอกทัศ ท่านนี้ มักจะถูกกล่าวถึงในลักษณะที่เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เป็นต้นเหตุให้เสียกรุงฯครั้งที่ 2 พระบิดา (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) เห็นว่าไม่มีความสามารถ จากข้อมูลคือ “กรมขุนอนุรักษ์มนตรี(พระเจ้าเอกทัศ)นั้นโฉดเขลา หาสติปัญญาแลความเพียรมิได้ ถ้าจะให้ดำรงฐานุศักดิ์มหาอุปราชสำเร็จราชกิจกึ่งหนึ่งนั้น บ้านเมืองก็จะเกิดภัยพิบัติฉิบหายเสีย” (พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา) จึงให้ เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต(สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร) ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เรียกว่า วางตัวเป็นกษัตริย์ในอนาคตนั่นแหละครับ ส่วนพระเจ้าเอกทัศ(กรมขุนอนุรักษ์มนตรี) ให้ไปออกผนวช แต่เมื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต พระเจ้าอุทุมพร ขึ้นครองราชย์ พระเจ้าเอกทัศก็สึกออกมา พระเจ้าอุทุมพรกลัวจะวุ่นวาย เลยสละราชสมบัติให้ ตัวเองไปบวชแทน แต่เมื่อพม่ายกทัพมาท่านกลับไปขอให้พระเจ้าอุทุมพรสึกออกมาช่วยรบกับพม่า(อันนั้นสงครามกับพระเจ้าอลองพญา กรุงยังไม่แตกพระเจ้าอลองพญาสวรรค ตก่อน) แต่เมื่อพระเจ้ามังระ โอรสของพระเจ้าอลองพญา ยกทัพมาอีกที ก็ต้านไม่ไหวครับ เสียกรุงฯในที่สุด และท่านก็เป็นเหมือนแพะครับ กับเรื่องนี้

แต่กับเรื่องความสามารถ หรือความไร้ประสิทธิภาพของพระองค์นั้น ก็มีข้อมูลหลายอย่างที่บอกว่า จริงๆอาจไม่เป็นแบบนั้น พงศาวดารฉบับหอแก้วและคองบองของพม่า ได้บรรยายให้เห็นว่าในสงครามคราวเสียกรุงฯนั้น “ผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเองก็ได้เตรียมการและกระทำการรบอย่างเข้มแข็ง มิได้เหลวไหลอ่อนแอแต่ประการใด” นอกจากนี้ ยังมีคำให้การชาวกรุงเก่า ปรากฏความว่า "(พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ คือ พระเจ้าเอกทัศ)ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง" ฉะนั้น หากจะกล่าวถึงท่านในแง่ไม่ดี ผมว่าเราต้องหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนนะครับ

กลับกัน มีบุคคลท่านหนึ่ง ที่ไม่ค่อยเห็นมีใครกล่าวถึงในแง่ไม่ดีเลย แต่สำหรับผมนะ ท่านมีส่วนอย่างมากในการที่ทำให้เสียกรุงศรีฯครั้งที่ 1 ท่านนั้นคือ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ตอนนั้นครองเมืองพิษณุโลก เห็นว่าบุเรงนองยกทัพมาคงจะสู้ไม่ไหว ก็ไปเข้ากับพม่า เมื่อบุเรงนองยกทัพไปตีกรุงศรีฯ ท่านก็ไปด้วยครับ ในฐานะทัพหลัง เมื่อตีกรุงศรีฯได้ ก็ได้ขึ้นครองกรุงศรีฯ ในฐานะประเทศราช คือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การกระทำของท่าน หากเปรียบเทียบกับท่านอื่นแบบกลางๆ ผมว่าก็ไม่ต่างจากพระยาจักรีเท่าไรเลย คือ ไปเข้ากับศัตรู มีส่วนทำให้ต้องเสียกรุงฯครั้งที่ 1 แต่ผมมีความเห็นส่วนตัวนะครับ ว่าที่ท่านไม่ค่อยถูกพูดถึงในด้านไม่ดี เพราะว่า ท่านเป็นบิดาของสมเด็จพระนเรศวร (ซึ่งผมก็ยกย่อง ชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์ครับ) ผู้ที่เรายกย่องกันว่ากู้เอกราช(แม้ว่าจะมีการเรียกฐานะระหว่างไทย-พม่า ตอนนั้นว่า ไม่ใช่การกู้เอกราช แต่จะเรียกว่าอะไรก็ตาม ผมขอเรียกว่ากู้เอกราชแล้วแล้วกันนะครับ เพื่อความเข้าใจตรงกัน) แต่ลองมองมุมกลับ ท่านกู้เอกราชของชาติ จากพม่าซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพระบิดาของท่านเอง แต่อย่างว่าล่ะครับ ตอนนั้น ชาติ ประเทศ มันยังไม่มีหรอก ผลประโยชน์ และความอยู่รอดของตัวเอง(และพวกพ้อง)นี่แหละ สำคัญสุด

***กระทู้นี้จะโดนด่าว่าไม่รักชาติป่าวหว่า???

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น